การอัปเกรดที่ไม่เคยปรากฏบนอุปกรณ์ Apple ใด ๆ มาก่อนถูกเปิดเผยใน iPhone SE 4 #Apple #iPhoneSE4 #iOSToday
iPhone SE 4 จะเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและชิปโปรเซสเซอร์อันทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสานรวมโมเด็ม 5G “ที่ผลิตเองในประเทศ” เครื่องแรกของ Apple โมเด็ม 5G นี้ชื่อรหัสว่า “Centauri” ไม่เพียงแต่รองรับการเชื่อมต่อ 5G แต่ยังดูแล Wi-Fi, บลูทูธ และ GPS อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ Apple ลดต้นทุน เพิ่มการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์
ดังนั้น iPhone SE 4 จะกลายเป็นอุปกรณ์ทดสอบเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ก่อนที่จะนำไปใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone ระดับไฮเอนด์และช่วยลดต้นทุนผลิตภัณฑ์ ด้วยราคาเริ่มต้นที่คาดไว้ที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ iPhone SE 4 มาพร้อมฟีเจอร์ทันสมัยมากมายในราคาที่เอื้อมถึง ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ iOS
ด้วยสัญญาว่าจะปฏิวัติการออกแบบและฟีเจอร์ต่างๆ iPhone SE 4 จะเป็นก้าวต่อไปที่คุ้มค่าสำหรับสายโทรศัพท์ราคาประหยัดของ Apple ข้อมูลที่รั่วไหลออกมาแสดงให้เห็นว่า iPhone SE 4 จะมีหน้าจอ OLED แบบ edge-to-edge, ชิป A18 อันทรงพลัง และกล้อง 48MP ดึงดูดความสนใจอย่างมากจากชุมชนที่รักเทคโนโลยี
#AppleNews #TechNews #iPhoneSE4 #5GTechnology
ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่โดยปรากฏเป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟนราคาถูกที่สุดของ Apple
คาดว่า iPhone SE 4 จะเปิดตัวอย่างน่าประทับใจในฤดูใบไม้ผลิปี 2568 ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย โปรเซสเซอร์ทรงพลัง และโดยเฉพาะโมเด็ม 5G “ทำเอง” เครื่องแรกของ Apple
หลังจากการเข้าซื้อกลุ่มโมเด็มของ Intel ในปี 2019 Apple ได้พยายามพัฒนาโมเด็ม 5G ของตัวเอง แม้จะมีปัญหาในช่วงแรกๆ บ้าง 9to5Mac กล่าวว่า Apple มั่นใจในการนำโมเด็ม 5G “ที่ปลูกเองในประเทศ” มาใช้กับ iPhone SE 4


เป็นที่ทราบกันดีว่าโมเด็ม 5G นี้ชื่อรหัสว่า “Centauri” ไม่เพียงแต่รองรับการเชื่อมต่อ 5G เท่านั้น แต่ยังดูแล Wi-Fi, บลูทูธ และ GPS อีกด้วย การผลิตโมเด็มภายในองค์กรจะช่วยให้ Apple ลดต้นทุน เพิ่มการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ 9to5Mac ยังเปิดเผยว่าโมเด็มใหม่ของ Apple จะลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปิดใช้งานโหมดพลังงานต่ำ


แม้ว่ามีแผนจะติดตั้งโมเด็มที่ผลิตเองให้กับอุปกรณ์ทั้งหมดในอนาคต แต่ Apple ก็เลือก iPhone SE 4 เป็นอุปกรณ์เครื่องแรกในการทดสอบเทคโนโลยีใหม่นี้
เพื่ออธิบายว่าทำไม Apple จึงเลือกติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงนี้สำหรับ iPhone SE รุ่นราคาประหยัด 9to5Mac เชื่อว่ามีเหตุผลสองประการ
ประการแรก iPhone SE ถือเป็นการทดสอบที่มีประสิทธิภาพ โดยการรวมชิปนี้ใน iPhone SE ทำให้ Apple สามารถตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับโมเด็มได้ก่อนที่จะนำไปใช้กับ iPhone 17 ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการในปีหน้า
นอกจากนี้ Apple จะช่วยประหยัดเงินและช่วยรักษาราคา iPhone SE ให้อยู่ในระดับที่เอื้อมถึงได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อโมเด็ม 5G จาก Qualcomm


ตามแหล่งข่าวบางแห่ง iPhone SE รุ่นต่อไปจะมีราคาเริ่มต้นที่ 499 เหรียญสหรัฐ นี่เป็นราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลสำหรับ iPhone สมัยใหม่
ปัจจุบัน Apple จำหน่าย iPhone 14 ในราคา 599 ดอลลาร์ ดังนั้นการที่ iPhone SE 4 มีราคาต่ำกว่าแต่มีคุณสมบัติที่ทันสมัยกว่าจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ Apple อาจหยุดผลิต iPhone 14 หลังจาก iPhone SE 4 เปิดตัว
iPhone SE 4 คาดว่าจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิหน้า โดยสัญญาว่าจะปฏิวัติการออกแบบและฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับสายโทรศัพท์ราคาประหยัดของ Apple ตั้งแต่หน้าจอ OLED แบบขอบจรดขอบ, Face ID ไปจนถึงชิป A18 อันทรงพลัง และกล้อง 48MP ทำให้ iPhone SE 4 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ iOS ในราคาที่เอื้อมถึง
ตามแหล่งข่าวที่รั่วไหลออกมาหลายแห่ง iPhone SE 4 จะมีการออกแบบคล้ายกับ iPhone 14 โดยมีหน้าจอ OLED แบบ edge-to-edge ขนาด 6.1 นิ้ว, ขอบแบน, Face ID และรอยบากขนาดกะทัดรัด อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ยังคงมีกล้องหลังเพียงตัวเดียวแทนที่จะเป็นกล้องคู่อย่าง iPhone 14 โดยนักวิเคราะห์หน้าจอ Ross Young กล่าวว่า iPhone SE 4 จะใช้แผง OLED ขนาด 6.1 นิ้วแบบเดียวกับ iPhone 14 ที่จัดทำโดยทั้ง BOE และ LG แสดง.
ตาม Bich Cau (จังหวะตลาด)
Discover more from 24 Gadget - Review Mobile Products
Subscribe to get the latest posts sent to your email.

